เก็บอัฐิ: ส่งวิญญาณผู้ล่วงลับสู่สุคติด้วยความเคารพ

การเก็บอัฐิ เป็นพิธีกรรมสำคัญในงานฌาปนกิจไทย เป็นการเก็บกระดูกที่เหลือจากการเผา เพื่อบรรจุในโกศ และนำไปประดิษฐานไว้เพื่อเคารพบูชา หรือลอยอังคาร บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนและรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บอัฐิ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับการสูญเสีย

ขั้นตอนการเก็บอัฐิ

  1. รอให้ไฟดับสนิท: หลังจากเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจ ต้องรอให้ไฟดับสนิท อุณหภูมิภายในเมรูลดลง เจ้าหน้าที่จะทำการเปิดฝาเมรุ
  2. เก็บอัฐิ: เจ้าหน้าที่จะใช้คีมคีบกระดูกที่เหลือจากการเผา คัดแยกชิ้นส่วนกระดูกออกจากเศษวัสดุอื่นๆ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
  3. ทำความสะอาดอัฐิ: เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดอัฐิ โดยใช้แปรงปัดเศษสิ่งสกปรก และอาจใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดเพิ่มเติม
  4. บรรจุอัฐิ: อัฐิที่สะอาดแล้ว จะบรรจุลงในโกศ ซึ่งมีหลายแบบให้เลือกตามความต้องการ เช่น โกศไม้ โกศหินอ่อน โกศทองคำ โกศเงิน ฯลฯ
  5. ปิดผนึกโกศ: เมื่อบรรจุอัฐิเสร็จเรียบร้อย จะปิดผนึกโกศด้วยกาว หรือตะปู
  6. อัญเชิญโกศ: อัญเชิญโกศขึ้นจากเมรุ นำไปวางบนแท่นสำหรับประกอบพิธี

พิธีกรรมหลังเก็บอัฐิ

หลังจากเก็บอัฐิเสร็จเรียบร้อย อาจมีพิธีกรรมเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่น ตัวอย่างพิธีกรรม ได้แก่

  • พิธีสงฆ์อัญเชิญอัฐิ: นิมนต์พระสงฆ์มาสวดอวยพร อัญเชิญอัฐิไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้
  • พิธีลอยอังคาร: นำอัฐิไปลอยในแม่น้ำ ทะเล หรือสถานที่อื่นๆ ตามความประสงค์
  • พิธีบรรจุอัฐิในสุสาน: นำอัฐิไปบรรจุในสุสาน

สถานที่เก็บอัฐิ

สถานที่เก็บอัฐิที่นิยมพบเห็น ได้แก่

  • บ้าน: เก็บไว้บนหิ้งบูชา หรือในห้องพระ
  • วัด: เก็บไว้ในเจดีย์ หรือกุฏิ
  • สุสาน: เก็บไว้ในช่องบรรจุอัฐิ

ข้อควรระวังในการเก็บอัฐิ

  • รอให้ไฟดับสนิท: ห้ามเก็บอัฐิขณะที่ไฟยังไม่ดับ เพราะอาจเกิดอันตราย
  • ระวังการสัมผัสอัฐิโดยตรง: ควรใช้อุปกรณ์คีบ หรือช้อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • เก็บอัฐิในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก: เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
  • ดูแลรักษาโกศ: ทำความสะอาด ปัดฝุ่น เช็ดถู เป็นประจำ